ในปัจจุบัน มีการกล่าวถึงการแพทย์ทางเลือก ของนักวิชาการหลายท่านในลักษณะของการให้บริการทางการแพทย์ที่ใกล้เคียงกัน มีความชัดเจนและเข้าใจง่าย มีตัวอย่างของนายแพทย์แผนปัจจุบันสองท่านที่ให้แนวคิดและความหมายของการแพทย์ทางเลือกไว้ชัดเจนมากคือ

 

นายแพทย์วีรชาติ เลิศนิธิกุล ได้กล่าวไว้ว่า

 
"การแพทย์ทางเลือกหมายถึง การรักษาความเจ็บป่วยด้วยวิธีการใดๆก็ตาม ที่ไม่ใช่แผนปัจจุบัน แต่ถึงแม้ไม่ใช่วิธีของแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็ได้อ้างอิงทฤษฎีการแพทย์แผนปัจจุบันหลายอย่าง เพียงแต่วิธีการปฏิบัติอาจจะไม่เหมือนแพทย์แผนปัจจุบัน"
 
นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน์ ได้กล่าวไว้ว่า
 

"การแพทย์ทางเลือก เป็นศาสตร์เพื่อการวินิจฉัย รักษา และป้องกันโรคนอกเหนือจากศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านไทย"

 

ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า การแพทย์ทางเลือกเป็นการแพทย์ ที่ไม่ใช่การแพทย์แผนปัจจุบันหรือ การแพทย์กระแสหลัก(Conventional Medicine) และไม่ใช่การแพทย์พื้นบ้านไทย(Indigenous Medicine) และก็ไม่ใช่การแพทย์แผนไทย(Traditinal Medicine) ซึ่งก็คงจะเป็นศาสตร์ที่ผสมผสานทั้งวิชาการทางการแพทย์และวิชาการที่ว่าด้วยมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในทุกมิติ

 

ศาสตร์การแพทย์ทางเลือก

 

การให้ความหมาย และความครอบคลุม ของการแพทย์ทางเลือก ในแง่ของศาสตร์เพื่อการวินิจฉัย รักษาและป้องกันโรค นอกเหนือจากศาสตร์ของการแพทย์ปัจจุบันนั้น กองการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขปี2545 ได้จัดไว้เป็นศาสตร์3กลุ่ม ดังต่อไปนี้

 

1.กลุ่มศาสตร์หรือเทคนิคของศาสตร์เพื่อปรับสมดุลของธาตุและสารชีวภาพในร่างกาย

ศาสตร์ในกลุ่มนี้มีมากมายได้แก่

1.1.สมุนไพรชนชาติต่างๆ

1.2.สูตรอาหารต่างๆ อาทิเช่น อาหารแมคโครไบโอติคส์(Macrobiotics) อาหารเจ อาหารมังสวิรัติ และอาหารสูตรเฉพาะสำหรับผู้ป่วย

1.3.วิตามินบำบัด(Megavitamin)

1.4.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

1.5.การล้างพิษ(Detoxification)

1.6.สารชีวภาพอื่นๆเช่น โฮมีโอพาธี (Homeopathy) ไบโอ-โมเลคุลาบำบัด (Bio-Molecular Therapy) และการขับสารพิษ(Chelation Therapy)

2.กลุ่มศาสตร์หรือเทคนิคของศาสตร์เพื่อปรับสมดุลของโครงสร้างร่างกายในส่วนของกระดูกและกล้ามเนื้อ ศาสตร์ในกลุ่มนี้มีมากมายได้แก่

2.1.การนวด ดัด และดึง ในแบบของวัฒนธรรมต่างๆ

2.2.การจัดกระดูกแบบจีน

2.3.การแพทย์จัดกระดูก(Chiropractic Medicine)

2.4.ดุลยภาพบำบัด

2.5.การออกกำลังกายแบบต่างๆเช่น โยคะ ชี่กง และไท้เก๊ก

2.6.วารีบำบัด(Hydrotherapy)

3.กลุ่มศาสตร์ หรือเทคนิคของศาสตร์ เพื่อปรับสมดุลของพลังงานในร่างกาย และความสัมพันธ์ กาย-จิต ศาสตร์ในกลุ่มนี้มีมากมาย ได้แก่

3.1.สมาธิในแบบของวัฒนธรรมต่างๆ

3.2.การเสริมสร้างพลังในวัฒนธรรมต่างๆเช่น พลังกายทิพย์ พลังจักรวาล พลังออร่า พลังปิรามิด โยเร โยคะ ไท้เก๊ก-ชี่กง พลังจิต การสะกดจิต จินตภาพบำบัด และเวทย์มนต์

3.3.การฝังเข็ม(Acupuncture)

3.4.การกดจุด(Reflexology)

3.5.ดนตรีบำบัด(Music Therapy)

3.6.สุคนธบำบัด(Aroma Therapy)

3.7.สนามแม่เหล็กบำบัด(Magnetic Field Therapy)

 

แนวทางดำเนินงานด้านการแพทย์ทางเลือกของกระทรวงสาธารณสุข

          กองการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก (Department for Development of Thai Traditional and Alternative Medicine:DTAM) กำหนดแนวทางการดำเนินงานไว้ดังต่อไปนี้(อ้างอิงจากเอกสารบรรยายของนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน์ ซึ่งเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต)

 

1.การแพทย์แผนจีน(Chinese Medicine)

           การแพทย์แผนจีนหมายความว่า การกระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการตรวจ การวินิจฉัย การบำบัดโรค การป้องกันโรค หรือการฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย ตามศาสตร์และความรู้แบบแพทย์แผนจีน ที่ถ่ายทอดและพัฒนาสืบต่อกันมา หรือตามการศึกษาจากสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาในหลักสูตรไม่ต่ำกว่าห้าปีของประเทศนั้น และคณะกรรมการประกอบโรคศิลปะให้การรับรอง ซึ่งประกอบด้วยการฝังเข็ม และการออกกำลังกายเช่น ไท้เก๊กและชี่กง

2.การแพทย์ทางเลือกอื่นๆ เช่นการรักษาทางกายภาพ(Physical Therapy) ประกอบด้วย

2.1.การนวด(Massage)หมายถึงการจัดการกับเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่มเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษา เช่น การนวดแบบไทย และการนวดแบบสวีเดน(นิยามการนวดโดยสมาคมการนวดของอเมริกัน)

2.2.การฝังเข็ม(Acupuncture) ที่ใช้ในผู้ปวดศีรษะไมเกรนและปวดศีรษะจากความเครียด ถือเป็นทฤษฎีลมปราณฝังเข็มตำแหน่งจุดต่างๆ(Acupoint)

2.3.การกดจุด(Reflexology or Zone Therapy) เป็นการนวดหรือใช้แรงกดบนฝ่าเท้า ใช้เพื่อลดความเครียดและทำให้เกิดการผ่อนคลาย

2.4.การแพทย์จัดกระดูก(Chiropractic Medicine) ซึ่งมีหลักเกี่ยวกับการไหลเวียนของพลังชีวิต กระดูกสันหลังปกป้องไขสันหลังไว้

3.วารีบำบัด(Hydrotherapy)

3.1.วารีบำบัดภายนอก(External Hydrotherapy):Bath and Douches

3.2.วารีบำบัดภายใน(Internal Hydrotherapy):Colonic Irrigation and Enemas

4.โภชนบำบัด ประกอบด้วย แมคดครไบโอติคส์ อาหารเสริม และมังสวิรัติ

5.การบำบัดด้วยพืช(Plant-based Therapy) เช่น Aroma Therapy

6.การบำบัดด้วยคลื่นและรังสี(Wave and Radiation Therapy) เช่น Oregon Therapy ,Pyramid Therapy และManetic Therapy

7.การบำบัดทางจิตและวิญญาณ(Mind and Spiritual Healing)

7.1.Biofeedback ฝึกฝนเพื่อคุมองค์ประกอบต่างๆของร่างกายที่ถูกควบคุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติตามความสมัครใจ

7.2.Hypnosis ภาวะที่จิตถูกสะกด เป็นภาวะของจิตสำนึกที่เปลี่ยนแปลงไป ความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานของจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกในระหว่างภาวะปกติและภาวะถูกสะกดจิตจะกลับกัน

7.3.Mediation/Transcendental Mediation มีลักษณะของการสร้างประสบการณ์ เริ่มจากการผ่อนคลาย ปล่อยให้ความคิดในใจสงบลง ทำให้ความคิดไปถึงระดับการคิดที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น

7.4.Psychodrama มีพื้นฐานจากการที่คนเราต้องมีการเปลี่ยนบทบาทหน้าที่อยู่เสมอ

7.5.Spiritual Healing

8.Self Exerciseการออกกำลังกายประเภทต่างๆเช่น Yoga, Tai Chi, and Dancing

 

ข้อมูลประกอบอ้างอิง  http://www.jobpub.com/articles/showarticle.asp?id=2329

24/05/2545

 

กลับหน้าเดิม

 

 ขอคำปรึกษา 096-890-3983